วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

เต่าสองหัว


เจ้าหน้าที่สวนสัตว์น้ำ "วอเตอร์ เวิลด์" ในเมืองหวู่เหว่ย มณฑลอานฮุย ประเทศจีน ต้องตกตะลึงพรึงเพริศสุดๆ เพราะพอตรวจสอบลูกเต่าที่สั่งซื้อมาจากฟาร์มท้องถิ่น ก็พบเจ้า "เต่าสองหัว" ตัวจิ๋วเข้าให้! นายจิมมี่ หู ประชาสัมพันธ์วอเตอร์ เวิลด์ บอกว่า ลูกเต่าสองหัวเป็นปกติเหมือนเต่าหัวเดียวทุกประการ ข้อแตกต่างมีแค่ มันโตเร็วกว่าเต่าครอกเดียวกัน เพราะสองหัวที่งอกออกมานั้นกินจุเหมือนกันเด๊ะ! ถ้าปล่อยให้กินจนอ้วนหัวโต..เวลาจะหดเข้ากระดองพร้อมๆ กันคงลำบากน่าดูชม!

โจรรังแกเด็ก



อ่านข่าวปล้นๆ จี้ๆ มาก็เยอะ แต่ก็ยังไม่ "ชิน" นะจ๊ะ ยังรู้สึก "ยี้" ทุกครั้ง เมื่อนึกถึงคนพิการ หรือตาบอด เขาก็ยังมีปัญญาหากินอย่างสุจริตกันได้เลย แล้วทำไมคนมือเท้าดีๆ ถึงต้องมาหากินด้วยอาชีพแบบนี้ด้วย???? (ม่ายข้าวจาย) ...แต่พอเจอข่าวนี้ ยิ่งรู้สึก "ยี้" เป็นพิเศษ เพราะโจรรายนี้ นอกจากจะ "ไร้ยางอาย" แล้วยังไร้หัวใจ ซะเหลือเกิน ที่ "ปล้น" ได้แม้แต่เงินน้อยนิดในกระปุกออมสินของเด็ก!! ทั้งนี้ ตำรวจเล่าว่า โจรรายนี้ชื่อไรอัน มูเอลเลอร์ วัย 31 ปี ที่แอบย่องเข้าไปขโมยกระปุกออมสินของหนูน้อยวัย 2 ขวบ ถึงในห้องนอน แล้วบังเอิญแม่ของเด็กเดินเข้าไปเห็นพอดี จึงแจ้งตำรวจในเมืองชีบอยแกน รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ไปจับตัวได้ทัน หลังจากตำรวจเช็คประวัติ ก็พบว่า... นายไรอันคนเนี้ย เคยต้องคดี "ขโมยหมูออมสิน" มาแล้ว 3 ครั้ง สำหรับครั้งนี้ ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้ว!!! เรียกว่า ถ้าเป็นดารา ก็เท่ากับเคยคว้าออสการ์มาแล้ว 4 ครั้ง ดังนั้น หนนี้ ถึงแม้ตำรวจจะเทเงินในหมูออมสิน ออกมานับแล้วได้แค่ 20 ดอลลาร์ (ราว 686 บาท) แต่ศาลก็ตัดสินจำคุกนายไรอันโดยไม่ลังเล 6 ปี! เพราะถือว่า... ทำผิดแบบเดิมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แสดงว่า มันถึงเวลาต้องเข้าไปดัดนิสัยแล้วล่ะ!!!

สุดยอด… ข้อคิดคำคม และข้อคิดดีๆ




คนเรามีเส้นทางที่เดินไปสูความพึงพอใจ และความสุขที่ต่างกัน การที่พวกเขาไม่ได้เดินไปทางเดียวกับคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเดินหลงทาง โดย Jackson Brown (นักร้อง,นักดนตรีชาวอเมริกัน) จากหนังสือ – กล้าเริ่มใหม่....กล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง รวบรวม,เขียนและแปลโดย – เบญญาวัธน์ เวลาถ่ายรูป . . . ส่วนใหญ่เราก็มักจะเก็บภาพ ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความประทับใจ น้อยคนนักที่จะถ่ายภาพในยามเศร้า เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำ ดังนั้น . . . เราจึงมีภาพถ่ายงานฉลองวันเกิดกัน แต่ไม่มีภาพถ่ายตัวเอง เป่าเค้กวันเกิดอย่างเดียวดาย มีภาพงานวิวาห์ที่พรั่งพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่คงมีน้อยมาก ที่จะถ่ายภาพในวันหย่าร้างอันแสนขมขื่น การทำใจลืมอดีตที่มีแต่ความเจ็บปวด ให้หมดสิ้นไป โดยไม่ต้องหลงเหลือให้บันทึกไว้ในชีวิต ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับการดำเนินชีวิตของคน จากหนังสือ – ภาพแห่งชีวิต (The Moments) เรื่องและภาพโดย - Jimmy Liao แปลโดย – วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์ ฝนยังไม่ตกทุกวัน ฟ้ามีมืดก็มีสว่าง แล้วจะยึดติดทำไมกับอะไรที่ผ่านเข้ามาล่ะครับ เพราะไม่ว่าสุขหรือทุกข์ มันก็คงไม่อยู่กับเรานานอยู่ดี คิดไว้แบบนี้จะได้สบายใจ แต่ถึงแม้ความทุกข์มันจะรักเรามากกว่า เพราะมาหาเราบ่อยเหลือเกิน ก็ให้ถือเสียว่า เป็นการฝึกความแข็งแรงของใจ และถึงจะต้องร้องไห้ ก็ให้ถือเสียว่า ดวงตาของเราก็อยากแข็งแรงเหมือนกัน . . . ผมมักจะบอกตัวเองอยู่เสมอๆ ว่า ถ้ามองทุกอย่างในแง่จริง แล้วมันเจ็บปวดนัก ก็ให้มองมันในแง่ดี ส่วนแง่ร้ายก็ลืมๆ มันไป ทำเป็นมองไม่เห็นมันเสียบ้าง คงไม่เสียโอกาสอะไรในชีวิตไปหรอก ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่ให้เลี่ยงที่จะรับรู้ความจริง แต่ความจริง ก็มีหลายด้านให้เลือกมองไม่ใช่หรือ โดย สุวัชชัย แก้วพระอินทร์ (นักจัดรายการวิทยุ) จากนิตยสาร – ELLE ฉบับที่ 120 เรื่องสำคัญที่มักบอกกับลูกๆ เสมอ คือ อย่าประมาท ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ . . . อย่ายอมสูญเสียความสุข วิธีทำให้คนอื่นรัก . . . ง่ายมาก คือ รีบรักคนอื่นเสียก่อน อย่าพูดถึงใครในแง่ร้าย ถ้าอยากสวย . . . ยิ้ม ! สำคัญ คือ ผมจะสอนในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ โดยให้เขาเห็นตัวอย่าง จากการปฏิบัติของผม เช่น การตรงต่อเวลา ไม่โกหก ฯลฯ เมื่อเขาเห็น เขาก็จะทำอย่างเราเอง โดย เชิด ทรงศรี (นักเขียน,ผู้กำกับภาพยนตร์) จากนิตยสาร – Kid & Family ปีที่ 9 ฉบับที่ 97 ความเศร้า . . . เป็นสัจจะของความสุขนะครับ ความเศร้าชั่วนิรันดร์ แต่ความสุขเหมือนพ่นลมหายใจรดกระจก ถ้าคุณผ่านความทุกข์เศร้ามาได้แม้เพียงครั้ง นั่นก็ทำให้คุณแกร่งขึ้น และขณะเดียวกัน . . . มิใช่ความแกร่งที่ด้านชาเหมือนผาหิน แต่เป็นภาวะของการเติบโต ตระหนัก และยอมรับสรรพสิ่งอย่างที่มันเป็น และดำรงอยู่ โดย พิบูลศักดิ์ ละครพล (นักเขียน) จากนิตยสาร – ขวัญเรือน ฉบับที่ 779 ดวงตาเหมือนๆ กัน แต่มีมุมมองต่างกัน หูเหมือนๆ กัน แต่มีการฟังต่างกัน ปากเหมือนๆ กัน แต่มีวิธีการพูดเหมือนกัน หัวใจเหมือนๆ กัน แต่ก็มีความรู้สึกต่างกัน เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่านะ คนเหมือนๆ กัน . . . ถึงได้มีความสุขและความเศร้าแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งจากบทกวี – ความสุขกับความเศร้า จากหนังสือ – ทำไม (Pourquoi) เรื่องและภาพโดย - Jimmy Liao แปลโดย – เจ้าเปี๊ยก
"ปัญญา" คือสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องมี "ความรู้' ช่วยให้คุณรู้ว่าจะทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จได้อย่างไร แต่ปัญญาที่มีความหมาย รวมถึงสามัญสำนึก จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจว่าจะทำอะไร และทำไมต้องทำสิ่งนั้น มีแต่ปัญญาเท่านั้นยังไม่เพียงพอ คุณต้องรู้จักตัวเองเสียด้วย คุณต้องรู้ว่าคุณคือใคร คุณชอบอะไร และคุณต้องการเป็นอะไร . . . การรู้จักตัวเองมากขึ้นนั้น บางครั้งเรียนรู้ได้จากข้อผิดพลาด และความล้มเหลวที่คุณประสบ สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนกำแพงที่ขวางคุณ และคุณต้องพยายามทำลายกำแพงนั้น หรือไม่ก็ปีนข้ามมันให้ได้ เมื่อคุณทำได้แล้ว . . . คุณจะพบตัวตนที่แท้จริงของคุณ

คอร์ปัสคล็อก นาฬิกาปีศาจ น่าทึ่งพอๆ และน่ากลัว



ที่คอร์ปัสคริสตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ศ.สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง ร่วมเป็นเกียรติในงานเผยโฉมนาฬิกาหน้าตาประหลาด "คอร์ปัส คล็อก" โดยผู้ออกแบบคือ ดร. จอห์น เทย์เลอร์ วัย 72 ปี ผู้คิดค้นกาน้ำเทอร์โมสแตต ด้านบนของ "คอร์ปัส คล็อก" เป็นรูปปั้นปีศาจคล้ายกับตั๊กแตน ใช้วิศวกรและช่างทำนาฬิการวม 8 คน ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี เงินทุนกว่า 65 ล้านบาท "คอร์ปัส คล็อก" แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ตรงที่ไม่มีเข็มหรือไม่มีตัวเลขดิจิตอลบอกเวลา แต่นาฬิกาที่ทำเป็นรูปจาน เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ฟุต ทำมาจากทองคำ 24 กะรัต แบ่งขีดออกเป็น 60 ขีด แต่ละขีดห่างกัน 6 องศา เรืองแสงเพื่อแสดงเวลา และจะตรงเวลาทุกๆ 5 นาทีเท่านั้น ถ้าเข้าไปดูการเดินของนาฬิกาในเว็บไซต์ www.guardian.co.uk/artanddesign/video/2008/sep/18/christi.clock หรือ www.youtube.com/watch?v=pHO1JTNPPOU ให้ดีจะเห็นว่า เท้าของตั๊กแตกปีศาจจะก้าวไปตามนาฬิกาที่หมุนไปทุกๆ 1 วินาที ดร.เทย์เลอร์ ออกแบบนาฬิกาประหลาดเรือนนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายจอห์น แฮริสัน ช่างทำนาฬิกาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก และเป็นผู้แก้ปัญหาเรื่องลองจิจูดเมื่อศตวรรษที่ 18 เขากล่าวว่า "ผมออกแบบนาฬิกาอย่างนี้ เพราะเบื่อนาฬิกาแบบเดิมๆ ทั้งยังต้องการแสดงให้เห็นว่า เวลาเป็นตัวหายนะ เมื่อใดก็ตามที่นาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ เราก็จะไม่สามารถหวนคืนกลับไปได้อีก นั่นทำให้ผมไม่ออกแบบตั๊กแตนเป็นตัวน่ารักๆ แบบการ์ตูนของดิสนีย์ แต่มันเป็นตั๊กแตนปีศาจที่ดุร้าย แต่ละวินาทีที่ผ่านไป มันจะเปิดปากและแลบลิ้นออกมา พอ 59 วินาทีปุ๊บ มันก็จะกลืนกินเวลาเข้าไป" ด้านนักวิชาการที่เห็น "คอร์ปัส คล็อก" หรือ "ตัวกินเวลา" (โครโนเฟจ) บ้างมีความเห็นว่า ต่อไปอาจจะเป็นนาฬิกาที่มีชื่อเสียงพอกับ "บิ๊กเบน" บ้างก็ว่า มันมีความสวยงามน่าทึ่งพอๆ กับความน่ากลัว-เดลี่เมล์

เรื่องน่ารู้ของคลีโอพัตรา ไม่สวยอย่างที่ร่ำลือ - แต่ฉลาด



เรารู้จักชื่อ "คลีโอพัตราที่ 7" มานาน ในฐานะที่พระองค์เป็นฟาโรห์องค์สุดท้ายของอียิปต์โบราณ ทั้งยังเป็นยังสตรีที่มีความงามจนเป็นที่เลื่องลือ จนมีหนังสือ ละคร ภาพยนตร์ นำเรื่องของพระองค์มากล่าวถึงมากมาย เรื่องราวของ "คลีโอพัตรา" มีความน่าสนใจมาก ไม่ว่าพระองค์ปลิดพระชนมชีพของตนเอง ด้วยการให้งูเห่าตัวเล็กกัด และที่จริงแล้ว พระองค์ไม่ใช่ชาวอียิปต์ แต่เป็นชาวมาซิโดเนีย
หลังจากที่ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ซึ่งเป็นชาวมาซิโดเนียเช่นกัน เข้าครอบครองอียิปต์ พอพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ 323 ปี ก่อนคริสตกาล อำนาจการปกครองส่งต่อไปยัง "พโทเลมี" บุตรชายของ "ลากุส" ผู้สูงศักดิ์แห่งมาซิโดเนีย
ราชวงศ์พโทเลมี ยืนยาวถึง 300 ปี และสิ้นสุดที่พระนางคลีโอพัตรา โดยพระองค์เป็นพระธิดาของพระเจ้าพโทเลมีที่ 12 พระองค์ จึงไม่มีสายเลือดอียิปต์เลยแม้แต่น้อย แต่พระนางเป็นฟาโรห์องค์แรกของราชวงศ์พโทเลมี ที่เรียนภาษาอียิปต์ หลังจากสิ้นพระชนม์ อียิปต์ กลายเป็นจังหวัดหนึ่งของอาณาจักรโรมัน
1 . ภาพคลีโอพัตราและพระโอรสที่วิหารแห่งเดนเดร่า
2 . ในงานเทศกาลเช็กสเปียร์ที่กำลังจัดขึ้นที่แคนาดา มี คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ แสดงเป็นจูเลียส ซีซาร์ ส่วนนิกกี้ เอ็ม. เจมส์ แสดงเป็นคลีโอพัตรา
3 . เรจินัล อาร์เธอร์ ศิลปิน จินตนาการภาพคลีโอพัตรา ขณะสิ้นพระชนม์
4 . เหรียญรูปคลีโอพัตราที่ 7
นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่า พระนางคลีโอพัตรา ไม่ได้สวยงามอย่างคำร่ำลือ เพราะแต่ละยุค แต่ละสมัย คอนเซ็ปต์ของความสวยงามนั้นแตกต่างกัน
"พลูตาร์ช" กวีชาวกรีก เขียนถึงพระองค์ประมาณ 100 ปี หลังจากที่สิ้นพระชนม์เมื่อราว 30 ปี ก่อนคริสตกาลในหนังสือ "ไลฟ์ ออฟ แอนโทนี่" ซึ่งเล่าถึงเรื่องราว นายพลมาร์ก แอนโทนี่ แห่งอาณาจักรโรมัน ชู้รักของคลีโอพัตราไว้ว่า "พระองค์ไม่ได้มีลักษณะพิเศษที่ดึงดูดใจ"
จากหลักฐานรูปคลีโอพัตราบนเหรียญ 10 ที่เหลือรอดมา และอยู่ในสภาพค่อนข้างดี พบว่า พระองค์มีลำคออ้วนเป็นปล้อง หรือเรียกว่า "Rolls of Venus" มีจมูกงุ้ม หูยาว คางแหลม สูงประมาณ 150 เซนติเมตร หรือเท่าๆ กับหญิงในยุคพโทเลมิก
อย่างไรก็ตาม คลีโอพัตรามีสมองอันชาญฉลาด ซึ่งนี่อาจเป็น "ความสวย" ของพระองค์ ทรงพูดได้ถึง 9 ภาษา ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี ทำให้ทรงมีบุคลิกที่งามสง่า มีความเป็นผู้นำสูง
พลูตาร์ช เขียนถึงความฉลาดเฉลียวของคลีโอพัตราไว้ว่า "พระองค์ทรงสนทนาด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนหวาน ช่างจำ นรรจา ซึ่งการจำนรรจานั้นเต็มไปด้วยความฉลาดปราดเปรื่อง จนไม่มีผู้ใดโต้แย้งพระองค์ได้"
เพราะความปราดเปรื่องนี้เอง ทำให้กองทัพอียิปต์มีความเข้มแข็ง ในครั้งนั้น "นคร อเล็กซานเดรีย" เป็นเมืองหลวงของอียิปต์ และเป็นนครที่มีความทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการแพทย์ที่ก้าวหน้า มีวิทยา การด้านชันสูตร มีห้องสมุดที่กว้างขวางใหญ่โต และมีประภาคาร จน "นครอเล็กซานเดรีย" ดึงดูดให้ศิลปิน ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม นักปราชญ์ กวี จากทั่วโลกเข้ามาอยู่อาศัย แม้พระองค์จะไม่สวยงามอย่างที่คิด แต่พระองค์ก็กำหัวใจของชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในสมัยนั้นถึง 2 คน คือ พระเจ้าจูเลียสซีซาร์ และ นายพลมาร์ก แอนโทนี่
ข้อสงสัยอีกอย่างในเรื่องราวชีวิตของพระนาง คือ พระองค์ไม่น่าสิ้นพระชนม์จากการถูกงูเห่าตัวเล็ก หรือ Asp กัด แต่น่าจะถูกงูเห่าตัวใหญ่หรือ Cobra กัดมากกว่า
กวีเอกเช็กสเปียร์ เล่าในเรื่องคลีโอพัตราและมาร์ก แอนโทนี่ ไว้ว่า คลีโอพัตราสิ้นพระชนม์เพราะถูกงูกัด งูนี้ถูกลักลอบนำมาไว้ในห้องพระบรรทม ในตะกร้าบรรจุผลมะเดื่อ แต่งูเห่าตัวเล็ก ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในอียิปต์ งูที่กัดจึงน่าจะเป็นงูเห่าตัวใหญ่ พลูตาร์ช เขียนไว้ว่า "เมื่อเปิดประตูห้องพระบรรทมเข้าไป เหล่าทหารพบร่างของพระองค์นอนแข็งอยู่บนเตียงทอง ฉลองพระองค์และเครื่องประดับกระจุยกระจายออกไปนอกร่าง"
ปัจจุบัน เรายังไม่ทราบสาเหตุการสิ้นพระชนม์อย่างแน่ชัด เนื่องจากพระเจ้านโปเลียนโบนาปาร์ตของฝรั่งเศส ปล้นทรัพย์สินจำนวนมากจากอียิปต์ รวมทั้งหีบใส่พระศพของพระนาง และทิ้งปริศนาไว้จนทุกวันนี้

เผยเหตุวาฬ บรูด้า โผล่บางแสน



เมื่อวันที่ 22 กันยายน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีผู้พบวาฬบรูด้า ขึ้นมาเล่นน้ำที่ทะเลบางแสน ว่า น่าจะเป็น เพราะวาฬว่ายน้ำตามฝูงปลาเข้ามา มากกว่าจะเกิดสิ่งปกติใดๆ เพราะปกติวาฬบรูด้ามักจะหากินแถวอ่าวไทย แต่จะว่ายอยู่ริมชายฝั่งห่างไปประมาณ 1-3 กิโลเมตรเท่านั้น ตามข่าวที่เคยพบกันว่าพบวาฬบรูด้าบ่อยๆ ที่ทะเลบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ในการว่ายน้ำเข้ามาในเขตที่มีการทำแนวปะการังเทียมก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะแนวปะการังทำให้มีฝูงปลามาอาศัยอยู่มาก ทำให้วาฬเข้ามาหาอาหารกิน จึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องภัยพิบัติแต่อย่างใด "ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติเหมือนกับกรณีการพบวาฬเพชฌฆาตเทียมเกยตื้นที่เกาะราชา จ.ภูเก็ต เมื่อเดือนที่ผ่านมา เพราะวาฬบรูด้าจะไม่ได้อยู่รวมกันเป็นฝูง จึงไม่ต้องอาศัยการนำของจ่าฝูงเหมือนกับวาฬเพชฌฆาตเทียม จนทำให้พลัดหลงกันได้ แต่ที่มาอยู่ 4 ตัวพร้อมๆ กัน เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าที่มาหากินในบริเวณหาดบางแสน ที่ยังไม่ค่อยได้เห็นกันมาก่อน" ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ส่วนวาฬบรูด้าทั้ง 4 ตัว จะมาอยู่นานหรือไม่นั้น โดยปกติจะ 2-3 วันขึ้นกับฝูงปลาที่เป็นอาหารของวาฬบรูด้าที่จะเคลื่อนที่ตามฤดูกาล บางทีอาจจะ 2-3 เดือน ก็อาจจะแวะเวียนเข้ามาหากินอีกก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ควรเข้าไปดูวาฬใกล้ๆ ตามหลักสากลควรอยู่ห่างประมาณ 200-300 เมตร เพื่อไม่ให้รบกวนวาฬทั้ง 4 ตัว เพราะแม้วาฬชนิดนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เราก็ไม่ควรเข้าไปดูหรือถ่ายภาพใกล้จนส่งผลกระทบ เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อวาฬได้เช่นกัน ถ้าปล่อยให้วาฬหากินตามปกติจะมีโอกาสโตเต็มที่ และมีขนาดลำตัวยาวถึง 13-14 เมตร แต่หากนักท่องเที่ยวอยากเห็นก็ควรสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย

กลิ่นหอมทำให้ฝันดี



ผลการศึกษาพบว่า กลิ่นหอมของมวลดอกไม้ช่วยให้นอนหลับฝันดี โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย มานน์ไฮม์ ในเยอรมนี ทดลองให้อาสาสมัคร ซึ่งเป็นผู้หญิง 15 คน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบโชยเข้ามาแตะจมูกระหว่างนอน เมื่อตื่นขึ้นมา ผู้หญิงเหล่านี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเธอนอนหลับฝันดี
แต่ในทางตรงกันข้าม ผู้หญิงทั้ง 15 คนนี้ จะนอนฝันร้าย ถ้าได้กลิ่นไข่เน่าโชยมาระหว่างนอนหลับ นักวิทยาศาสตร์ทดลองเรื่องนี้ โดยให้อาสาสมัครทั้งหมดนอนหลับ และรอจนกระทั่งการนอนของพวกเธอเข้าสู่ระดับที่เรียกว่า "Rapid Eye Movements" หรือ REM ซึ่งความฝันมักจะเกิดขึ้นในการนอนที่ระดับนี้ เมื่อการนอนเข้าสู่ระดับ REM นักวิทยาศาสตร์ก็จะทำให้อากาศภายในห้องมีกลิ่นบางอย่างนาน 10 วินาที แล้วจึงปลุกอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดให้ตื่นขึ้นในอีก 1 นาทีหลังจากนั้น
เมื่ออาสาสมัครตื่นขึ้น พวกเธอจะถูกซักถามเกี่ยวกับความฝันและความรู้สึกในช่วงที่ฝัน พวกเธอยืนยันว่าไม่ได้ฝันว่า กำลังดมอะไรอยู่ แต่เนื้อหาในความฝันจะเปลี่ยนไปตามกลิ่นที่โชยเข้ามาแตะจมูกในเวลานั้น ถ้าเป็นกลิ่นหอม พวกเธอก็จะฝันดี แต่ถ้าเป็นกลิ่นเหม็น พวกเธอก็จะฝันร้าย ผลการศึกษาจึงสรุปได้ว่า กลิ่นน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความฝันของคนเราได้
ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ระบุว่า นอกจากกลิ่นแล้ว เสียงความดัง หรือการสั่นสะเทือน ก็เป็นตัวกำหนดเนื้อหาความฝันได้เช่นกัน

แฉ! วัยรุ่นอุตรดิตถ์ ยึดศาลากลาง โชว์ร่วมเพศ



เด็กอุตรดิตถ์ยึดศาลากลางจังหวัดเป็นโรงแรมร่วมเพศกลางวัน ช่วงการจัดงานเทศกาลลางสาดหวาน และสินค้าโอท็อป รองผู้ว่าฯ บอกมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในศาลากลางจังหวัด เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายธนศักดิ์ แย้มมั่นศรี ราษฎรชาว จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ช่วงการจัดงานเทศกาลลางสาดหวาน และสินค้าโอท็อป จ.อุตรดิตถ์ ประจำปี 2551 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-24 กันยายน โดยจังหวัดทำพิธีเปิดเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา มีประชาชนหลายพันคนจากทั้งในจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน แต่ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. มีเยาวชนชายหญิงคู่หนึ่ง รูปร่างท้วมทั้งคู่ อายุราว 13-16 ปี ใช้ม้าหินอ่อนด้านเหนือศาลากลางจังหวัด ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งเป็นสถานที่ค่อนข้างลับตาคน หากไม่ใช่วันราชการมักไม่ค่อยมีคนเดินผ่านจุดดังกล่าว เป็นสถานที่ร่วมเพศกัน โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาพบเห็นหรือไม่ "สถานที่เดียวกันนี้เกิดขึ้น 2 ครั้งแล้ว คาดว่า เด็กคงไม่มีเงินที่จะเข้าโรงแรม หรือไม่กล้าที่จะทำอะไรกันที่บ้าน เพราะเกรงว่าผู้ปกครองจะรู้เรื่อง จึงต้องมาใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ร่วมเพศกัน เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สังคมเสื่อมทรามลงทุกวัน ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ใช่ว่าผมออกมาเปิดเผยเรื่องนี้จะทำให้เกิดความเสียหายต่อจังหวัด แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลบุตรหลาน หรือหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ที่สำคัญสถานที่ดังกล่าว เป็นถึงศาลากลางจังหวัดเป็นศูนย์รวมของส่วนราชการ จึงต้องเข้มงวดให้มากกว่านี้" นายธนศักดิ์ กล่าว นายจักริน เปลี่ยนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในศาลากลางจังหวัด เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจอย่างยิ่ง เพราะสถานที่ราชการไม่สมควรที่จะทำเช่นนี้ เรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน และจากนี้ไปจะกำชับให้อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) กรวดขันเวรยามในศาลากลางให้มากขึ้น

นักศึกษาบ้าเลือดไล่ยิงสยอง เพื่อน10 ศพ คาชั้นเรียน


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเหตุสยองขวัญ หลังนักศึกษาของโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในฟินแลนด์ พกปืน .22 คาลิเบอร์ ไล่ยิงเพื่อนร่วมโรงเรียนเสียชีวิต 10 ศพ เมื่อวันอังคารที่ 23 กันยายน เวลาประมาณ 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นผู้ก่อเหตุพยายามยิงตัวตาย แต่เจ้าหน้าที่ ตำรวจสามารถนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่อาการยังไม่พ้นขั้นวิกฤติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายกรัฐมนตรีแมตตี แวนฮาเนน แห่งฟินแลนด์ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุ คือ "นายแมตตี จูฮารี ซารี" นักศึกษาชายวัย 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนอาชีวะในเมืองคัวฮาโจกิ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ ด้านนายไรโม คีโทเล อาจารย์ประจำของโรงเรียนที่เกิดเหตุระบุว่า นายซารีเพิ่งเข้ามาศึกษาต่อไม่ถึง 1 ปี ก็ก่อเหตุสะเทือนขวัญ และผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่ามือปืนสวมหน้ากากสกีปิดบังใบหน้า ก่อนจะบุกเข้าไปในโรงเรียน ช่วงสายวันอังคาร และยิงปืนหนึ่งนัดเมื่อเข้ามาถึงโถงทางเดินในอาคาร เป็นเหตุให้นักเรียนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าววิ่งหนีกระจัดกระจาย จากนั้นมือปืนได้เดินเข้าไปในห้องเรียนหมายเลข 3 และกระหน่ำยิงนักเรียนในห้องเสียชีวิต 10 ศพ แต่ยังไม่มีตัวเลขแน่นอนว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนกี่คน ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่า มือปืนได้พกพาวัตถุระเบิดมาด้วย เพราะอาคารเรียนถูกไฟไหม้หลายจุด แต่เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงสามารถควบคุมมิให้ไฟไหม้ลุกลามทำความเสียหาย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองคัวฮาโจกิระบุว่า นายซารีถูกเจ้าหน้าที่ตักเตือนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 22 กันยายน ก่อนหน้าวันเกิดเหตุเพียง 1 วัน โดยนายซารีได้โพสต์วีดิโอการซ้อมยิงปืนลงในเว็บไซต์ยูทิวบ์ และมีเนื้อหารุนแรง แต่เจ้าหน้าที่มิได้ยึดใบอนุญาตพกปืนของนายซารีแต่อย่างใด เหตุมือปืนบุกยิงผู้คนในสถานศึกษา ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ของโลกช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ เกิดเหตุมือปืนบุกยิงผู้คนในห้องบรรยายที่มหาวิทยาลัยนอร์เธิร์น อิลลินอยส์ ใกล้นครชิคาโก คร่าชีวิตผู้คน 5 ราย บาดเจ็บ 18 คน ก่อนมือปืนฆ่าตัวตายหนีความผิด ส่วนเหตุยิงกันในฟินแลนด์ เกิดขึ้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน ปี 2550 นักเรียนมัธยมโจเคลา ใกล้กรุงเฮลซินกิ ใช้อาวุธปืนสั้นยิงสังหารเพื่อนนักเรียน 6 ราย และพยาบาลประจำโรงเรียนกับครูใหญ่เสียชีวิต ก่อนมือปืนยิงตัวตายหนีความผิด วันเดียวกัน รัฐบาลฟินแลนด์ประกาศลดธงครึ่งเสาในวันพุธที่ 24 กันยายน เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ดังกล่าว ขณะที่นายกรัฐมนตรีแวนฮาเนนแถลงข่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเหยื่อมือปืนคลั่ง และภายหลังผู้อำนวยการโรงเรียนออกมาให้ข่าวว่านายซารีเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาศิลปะการทำอาหาร

ขอโทษ VS ให้อภัย ... 2 คำสั้นๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่นัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณผู้วาดภาพและบรรยายเนื้อหา โดย คุณกะว่าก๋า คนเราเมื่ออยู่ร่วมกันไม่ว่าจะในสังคมใดหรือที่ไหน ย่อมต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง และผลของการกระทบกันนี้ย่อมทำให้คู่กรณีเกิดความไม่พอใจ โกรธเคือง และอาจกลายเป็นศัตรูกันในที่สุด หากเป็นเช่นนี้แล้วทั้งสองฝ่ายย่อมเกิดการอาฆาต พยาบาทกันแน่นอน แต่หากทั้งสองฝ่ายรู้จัก "ขอโทษ" และ "ให้อภัย" ความโกรธ เกียจ เหล่านี้ย่อมหมดไป "ขอโทษ" และ "ให้อภัย" เป็นเรื่องที่ทำยาก เพราะมันต้องมาจากการให้อภัย โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้ใดๆ บางคนอาจบอกว่า หาก "ขอโทษ" และ "ให้อภัย" จะเป็นการเสียศักดิ์ศรีหรือการเป็นผู้แพ้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่. . . ถ้าคุณรู้จักให้อภัยและขอโทษคุณจะเป็นผู้ชนะต่างหาก ชนะใจตนเอง และเป็นผู้กล้าหาญ ที่คุณยอมรับความผิดนั้นได้ แล้วก็ยอมขอโทษ ในสิ่งที่ได้กระทำลงไป . . . . อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงคำ 2 คำนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงการ์ตูนของคุณกะว่าก๋า เรื่องหมื่นตากับการให้อภัย แล้วอยากนำเสนอให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน และรู้จักกล่าวคำ "ขอโทษ" ทุกครั้งที่ทำผิด และ "ให้อภัย" ทุกครั้งเมื่อได้ฟังคำขอโทษ หากทุกคนรู้จักคำ 2 คำนี้แล้ว เชื่อว่าสังคมไทยคงจะสงบสุข ร่มเย็นแน่นอนค่ะ